Active Ingredient
1. Whey protein isolate เวย์โปรตีนช่วยให้ร่างกายพัฒนา และแข็งแรง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอกจาก นี้ยังช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วจากอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ช่วยในการควบคุม และลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
เวย์โปรตีน ไอโซเลต ( Whey Protein Isolate : WPI ) ได้จากการนำ WPC มาผ่านกระบวนการผลิตเพิ่มเติมคือ Ion-exchange (IE) หรือ Cross-flow microfiltration (CFM) เพื่อแยกเอาแลกโตสและไขมันที่ ยังคงมีผสมอยู่บ้างออกไปอีก ทำให้ความเข้มข้นของเวย์โปรตีนสูงขึ้น คือมากกว่า 90% กระบวนการ IE ใช้วิธีแยกโมเลกุลของสารต่างๆ ออกจากกันโดย อาศัยประจุไฟฟ้า บนโมเลกุลที่ต่างกัน สามารถทำให้เวย์โปรตีนบริสุทธิ์ ได้มากที่สุด โดยอาจทำให้มีความเข้มข้นของเวย์โปรตีนได้ถึง 97-98% โดยน้ำหนักแห้ง แต่กระบวนการ CFM ซึ่งใช้ตัวกรองที่ทำจากเซรามิก สามารถรักษาโปรตีนชนิดย่อยๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ไว้ได้ดีกว่า และมีปริมาณเกลือโซเดียมน้อยกว่าเวย์โปรตีนที่ผ่านกระบวนการ IE WPI มีลักษณะเป็นผงสีครีมอ่อนและมีกลิ่นรสธรรมชาติแบบนมเช่นกัน ราคาแพงกว่า WPC
2. Branched-chain amino acid (BCAA) กลุ่มของกรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino acid) 3 ชนิด ประกอบด้วย ลิวซีน (Leucine) ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มระดับพลังงานให้กับเซลล์กล้ามเนื้อ,ไอโซลิวซีน (Isoleucine) รักษาและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง และกระดูก,วาลีน (Valine) เร่งเผาผลาญพลังงานในกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน (Protein Anabolism) จะเกิดการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติมโต(Growth Homorne) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างโปรตีนมาขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มมวล กล้ามเนื้อได้มากขึ้น ลดการสลายของโปรตีน (Protein Catabolism) กลุ่มอะมิโน BCAA จะไปต่อต้านกระบวนการสลายโปรตีนที่เกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อมีความคงทน และแข็งแรงมากขึ้น เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย (Increased Endurance) เนื่องจากร่างกายสามารถ BCAA ที่ได้รับมาเผาผลาญเป็นพลังงานได้โดยตรง จึงทำให้รู้สึกแข็งแรง และตื่นตัว ส่งผลให้มีกำลังในการออกกำลังกายได้มากขึ้น ฟื้นฟูและลดการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ (Increased Recovery Rate) เนื่องจาก BCAA สามารถช่วยเพิ่มพลังงาน และเป็นสารตั้งต้นของกรดอะมิโนตัวอื่นๆ โดยเฉพาะกลูตามีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้ลดการอ่อนล้าจากการสูญเสียโปรตีน และช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อในส่วนที่เกิดการบาดเจ็บ
3. Probiotics: โปรไบโอติกส์ (อังกฤษ: Probiotics) หมายถึง แบคทีเรียในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ในรูปที่เป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เมื่อรับประทานด้วยปริมาณที่พอเหมาะจะส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค เช่น โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาด แต่ไม่นับรวมถึงนมเปรี้ยวพร้อมดื่มประเภทยูเอชที เพราะไม่มีแบคทีเรียกรดนมเหลืออยู่ เนื่องจากผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อที่ความร้อนสูง , แบคทีเรียเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้วจะไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่แต่เดิมในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียที่ดีมีจำนวนมากขึ้น และแบคทีเรียที่ไม่ดีจำนวนลดลง (คือพวกที่ทำให้ท้องอืด ท้องเสีย สร้างสารก่อมะเร็ง สารที่มีกลิ่นเหม็น ฯลฯ) ทำให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์อื่นๆ เช่น เพิ่มภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้นๆ โดยรวม คือ โพรไบโอติคส์จะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้น
เป็นที่ทราบกันดีว่า โดยปกติแล้วแบคทีเรียโปรไบโอติกส์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมนมเปรี้ยวส่วนใหญ่ คือแบคทีเรียในกลุ่ม Lactobacilli และ Streptococci แต่จากการศึกษาคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของแบคทีเรียในลำไส้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่า ความจริงแล้ว Bifidobacteria สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในอุตสาหกรรมประเภทนี้ ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในทางการศึกษาแบคทีเรียในลำไส้ ได้เป็นผู้บุกเบิกในการผลิตโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่ได้จากหมักของ Bifidobacteria ซึ่งแม้ว่ารสชาติจะไม่ดีเท่าผลิตภัณฑ์ที่หมักจาก Lactobacilli แต่ด้วยประโยชน์ที่มากกว่า จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้รักสุขภาพ และในเมืองไทยก็มีโยเกิร์ตที่หมักโดย Bifidobacteria วางจำหน่ายแล้ว
นอกจากใช้ในอุตสาหกรรมอาหารแล้ว โปรไบโอติกส์ก็ยังถูกใช้ในการรักษาโรคทางเดินอาหาร ในการทดลองทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย อาทิ การใช้ Lactobacillus rhamnosus GG ในการบรรเทาและป้องกันอาการท้องร่วงในเด็กทารก การใช้ Bifidobacteria และ Lactobacilli รวมกันในการรักษาอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง และช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินอาหารและการเสียชีวิตในทารกที่คลอดก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากงานวิจัยทางการแพทย์อีกหลายชิ้นที่ยืนยันว่า Bifidobacteria สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. Fructooligosaccharide-P Powder ช่วยทำให้อิ่ม ขับถ่ายระบายของเสียออกจากร่างกายได้สะดวก และ ช่วยในการลดกระชับสัดส่วน ให้ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น FOS หรือ ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructo Oligosaccharide) เป็น Prebiotics หรืออาหารที่ใช้เลี้ยงจุลินทรีย์ชนิดก่อประโยชน์เนื่องจากลำไส้ใหญ่มี แบคทีเรียอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดก่อประโยชน์และชนิดก่อโรค
5. L-Carnitine ทำหน้าที่สำคัญในระบบเมตาบอลิซึมเพื่อสร้างพลังงาน โดยผ่านกระบวนการเผาผลาญกรดไขมันที่เรียกว่า Beta-oxidation ซึ่งเกิดภายในไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) ของเซลล์ต่างๆ รวมไปถึงเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อลาย โดยปกติ L-Carnitine จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของ Acyl-Carnitine ทำหน้าที่ขนส่งกรดไขมันสายยาวเพื่อนำไปเผาผลาญภายในไมโตคอนเดรียแล้วจึงเปลี่ยนกลับมาเป็น L-Carnitine เหมือนเดิม ดังนั้นเราจึงอาจกล่าวได้ว่า L-Carnitine มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อวัฏจักรของการสลายกรดไขมันในร่างกาย ขณะเดียวกันการขาด L-Carnitine นอกจากจะมีผลเสียต่อเมตาบอลิซึมของกรดไขมันแล้วยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งในปัจจุบันมีการศึกษาที่พบว่าการให้ L-Carnitine สามารถลดอัตราการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ (All- cause mortality, 27%) ลดภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ (Ventricular arrhythmias, 65%) และลดการปวดเค้นของกล้ามเนื้อหัวใจ (Angina, 40%) แต่ไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการลดอุบัติการการเกิดโรคหัวใจวาย (Heart failure)
7. EGCG
10. Calcium Amino Acid Chelate 20% 1.ช่วยให้กระดูกและฟันมีสุขภาพแข็งแรง 2.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก 3.ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ 4.มีส่วนช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ 8.ช่วยป้องกันอาการกระดูกหักง่ายในวัยสูงอายุ 9.ช่วยเรื่องระบบประสาท โดยเฉพาะการส่งต่อสัญญาณประสาท โรคจากการขาดแคลเซียม
8. L-Cysteine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างโปรตีนภายในร่างกาย เช่น ผิว ผม เล็บ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรตีนเคราตินที่ใช้ในการสร้างผิว ผม เล็บให้มีสุขภาพดี นอกจากนี้ L-cysteine ช่วยกระตุ้นการสร้างกลูตาไธโอนในร่างกาย โดย L-cysteine จะดูดซึมเข้าไปในร่างกาย (ที่ลำไส้เล็ก) แล้วถูกนำไปใช้ในกระบวนการสร้างกลูต้าไธโอน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ (Free Radicals) และกลูต้าไธโอนยังสามารถช่วยยับยั้งการสร้างเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้นการสร้าง melanin และเมื่อ tyrosinase ถูกยับยั้ง จะเกิดปฏิกิริยาย้อนกลับมาสร้างเม็ดสีผิวสว่างที่เรียกว่า Phaeomelanin ขึ้นแทน จึงช่วยให้ผิวขาว สว่างสดใสขึ้น
12. Vitamin C: เป็นที่รู้กันมานานว่า หากใครได้ ทาน วิตามินซี อย่างเพียงพอ จะทำให้ไม่เป็นโรคหวัดได้ง่าย เพราะสารที่อยู่ใน วิตามิน ซี จะช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัดได้เป็นอย่างดีรวมถึงสรรพคุณของ วิตามิน ซี ที่สามารถ ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ยังมีประโยชน์ของการทาน วิตามินซี อีกมากมาย เพราะการทาน วิตามินซี จะสามารถช่วยในการลดความเสี่ยง และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความดันเลือด ช่วยลดการเกิดเส้นเลือดเลือดอุดตัน ในหลอดเลือดดำ ช่วยต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก เป็นยาระบายตามธรรมชาติ เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด ช่วยเร่งให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วยิ่งขึ้น
14. Vitamin B3 (Niacinamide) มีส่วนสำคัญในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศ ลดระดับคอเลสเตอร์รอลและไตรกลีเซอไรด์ช่วยในการเผาผลาญไขมัน ให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บรรเทาปัญหาต่างๆของระบบย่อยอาหาร บรรเทาความรุนแรงของอาการปวดศีรษะจากไมเกรน
15. Vitamin B1 (Thaimine) ร่างกายต้องการมากขึ้นในภาวะที่เจ็บปวด เครียด เพราะเป็นวิตามินที่บำรุงระบบประสาทส่งผลต่อความคิด และการทำงานของสมอง บำรุงความคิดสติปัญญาให้ดีขึ้น ช่วยระบบการย่อยอาหารโดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและป้องกันโรคเหน็บชา
16. Vitamin B6 (Pyridoxine) ทำงานร่วมกับกรดโฟลิก (Folic Acid) ลดระดับกรดแอมิโนโฮโมซิสเทอีน (Homocystiene) ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ (ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ) เสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการเกิดนิ่วไนไตช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดีขึ้น ลดอาการคลื่นไส้ สร้างกรดนิวคลิอิก (Nucleic acid) ที่ชะลอกระบวนการชรา ลดอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อในเวลากลางคืน ชาเป็นตะคริว มือชา
17. Vitamin A ป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ ทำให้ผิวสวย Beta-carotene(pro-vitamin A) เป็นรูปแบบที่แนะนำสำหรับวิตามินเอ เพราะไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นพิษจากการ สะสมวิตามินเอ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยชะลอความแก่ได้ด้วย ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นเซลล์ที่ต่อสู้กับการติดเชื้อต่าง ๆ ทำให้หายป่วยเร็วขึ้น ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยให้กระดูก ผิวพรรณ ผม ฟัน และเหงือกแข็งแรง สร้างความต้านทานให้ระบบหายใจ ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ลดการอักเสบของผิว และช่วยลบจุดด่างดำ ช่วยบรรเทาโรคเกี่ยวกับไทรอยด์เป็นพิษและโรคถุงลมโป่งพอง
18. Vitamin B2 (Riboflavin) ร่างกายต้องการมากขึ้นในภาวะเครียด ลดอาการปวดศีรษะจากไมเกรน ช่วยในกระบวนการเจริญเติบโตและสืบพันธ์ ช่วยให้สุขภาพผิวพรรณ เล็บ และเส้นผมดีขึ้น
19. Folic acid กรดโฟลิคช่วยร่างกายในการสร้างเม็ดเลือดแดง โดยที่จะไปช่วยไขกระดูก ( BONE MARROW ) ให้ผลิตเม็ดเลือดแดง และควบคุมการทำงานของสมอง และอารมณ์ให้อยู่ในสภาพที่ปกติสมบูรณ์ ทำให้รู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้นและยังช่วยในการเผาผลาญ RNA ( RIBONUCLEIC ACID ) และ DNA ( DEOXYRIBONUCLEIC ACID ) ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนของการสร้างโลหิต สร้างเซลล์ และการถ่ายทอดปัจจัยทางพันธุกรรม และทำหน้าที่ร่วมกับวิตามิน บี12 รวมทั้งการสร้างภูมิต้านทานโรคในต่อมไธมาส ( THIMAS ) ให้แก่เด็กเล็ก
21.Vitamin K วิตามินเคเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นเกี่ยวกับเลือดในร่างกายของคนเรารวมถึงทำหน้าที่สำคัญหลายๆอย่างในร่างกาย วิตามินเคมีส่วนที่ช่วยให้การก่อตัวของกระดูกและการเรียงตัวของเนื้อกระดูกเมื่อทำงาน ร่วมกับแคลเซียมเราจึงได้กระดูกที่มีความแข็งแรงและไม่เปราะง่ายเพราะขาดวิตามินเคนั่นเอง วิตามินเค จำเป็นสำหรับการสร้างโปรทรอมบิน (prothrombin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ตับสร้างขึ้นและจำเป็นในการแข็งตัวของเลือด ถ้าขาดวิตามินเค ตับสร้างโปรธรอมบินไม่ได้ ระดับโปรธรอมบินที่สูงในเลือดจะชี้ให้เห็นความสามารถที่ดีในการที่เลือดจะแข็งตัว ในขณะที่ระดับโปรธรอมบินต่ำในเลือดจะทำให้อัคราการแข็งตัวของเลือดช้า โดยที่วิตามินเคจะทำหน้าที่เป็น Cofactor ในการสร้างธรอมบิน
22. Vitamin D 1.ช่วยเสริมการใช้แคลเซียม และฟอสฟอรัสซึ่งจำเป็นต่อความแข็งแรงของกระดูกและฟัน 2.ช่วยในการรักษาโรคเยื่อบุตาอักเสบ 3.ช่วยในการดูดซึมของวิตามินเอ
23. Vitamin B12 Vitamin B12 ช่วยลดระดับกรดแอมิโนโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยเพิ่มพลังงาน สติ ความจำ ช่วยระบบประสาทแข็งแรง บรรเทาอาการหงุดหงิด เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน (80 มคก.) ใน Abso 1 มี 15 มก.
การออกฤทธิ์ :
1. Muscle Mass เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ โปรตีนเยอะๆ
2. Metabolism ส่งเสริมระบบการเผาผลาญ ลดการดูดซึมไขมัน
3. Maintenance เตรียมความพร้อมให้ร่างกายในการออกกำลังกาย รู้สึกมีพลัง
* probiotic ใส่เพื่อแค่ให้เป็นจุดขาย เพราะมีงานวิจัยว่าช่วยกระตุ้นการดูดซึมของโปรตีน ไม่ต้องออกฤทธิ์ขับถ่าย
คำค้นหา
โรงงานผลิตอาหารเสริม เซนไบโอเทค หรือ zenbiotech,รับผลิตอาหารเสริมเกรดพรีเมี่ยม,รับผลิตคอลลาเจน,รับผลิตดีท็อกซ์,รับผลิตอาหารเสริมสร้างภูมิคุ้นกัน,รับผลิตอาหารเสริมบำรุงชาย,รับผลิตอาหารเสริมบำรุงหญิง,รับผลิตอาหารเสริมบำรุงสายตา,รับผลิตอาหารเสริมบำรุงสมอง,รับผลิตอาหารเสริมบำรุงผิวชะลอวัย,รับผลิตชาลดน้ำหนัก,รับผลิตเวย์โปรตีน,รับผลิตอาหารเสริมผงกรอกปาก,รับผลิตกาแฟเพื่อสุขภาพ,รับผลิตกาแฟควบคุมน้ำหนัก,รับผลิตถั่งเช่า,รับผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ,รับผลิตอาหารเสริมเพื่อผู้สูงอายุ,รับผลิตอาหารเสริมบำรุงหัวใจ,รับผลิตเครื่องสำอางค์,รับผลิตครีม,รับผลิตเซรั่มบำรุงผิว